กระทรวงศึกษาธิการ เตรียมวางกรอบผลิตครูสายพันธุ์ใหม่ กระตุ้นให้คนเก่งสนใจเรียนครูเพิ่ม สนับสนันให้ทุน-ประกันการมีงานทำเมื่อเรียนจบ โดยได้กำหนดแนวทางการดำเนินการ ไว้ 2 รูปแบบ คือ
- รูปแบบที่ 1 การให้ทุนการศึกษาระหว่างเรียน และรับประกันการมีงานทำเมื่อสำเร็จการศึกษา โดยจะบรรจุในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) หรือสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)
- ส่วนรูปแบบที่ 2 ไม่มีทุนการศึกษาระหว่างเรียน แต่จะประกันการมีงานทำเมื่อสำเร็จการศึกษา โดยจะบรรจุในโรงเรียนที่ขาดแคลนครูในสังกัด สพฐ. หรือ สอศ.ที่จะต้องเตรียมอัตราบรรจุนักศึกษาที่จบตามเกณฑ์ของโครงการผลิตครู พันธุ์ใหม่และโครงการผลิตครูภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งเป็นอัตราการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูที่ได้รับคืนให้กับกระทรวง ศึกษาธิการในอัตรา 100 เปอร์เซ็นต์
โดยยกเว้นการพิจารณาให้ความเห็นจาก คณะกรรมการกำหนดเป้าหมาย และนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ซึ่งจะนำสัดส่วนที่ได้คืนจาก 100 เปอร์เซ็นต์นี้ มาเป็นส่วนหนึ่งในการรองรับ การบรรจุนักศึกษา ตามโครงการผลิตครูพันธุ์ใหม่ ที่จะทำให้โครงการนี้ สามารถสร้างแรงจูงใจ ให้คนเก่งอยากมาเรียนครู เป็นหลักประกันที่ชัดเจนว่า มีงานทำอย่างแน่นอน
ประเด็นข่าวที่เอามาบอก ก็เพียงแต่อยากจะแสดงความเห็นต่อวงการวิชาชีพนี้บ้างเท่านั้น ในความรู้สึกของผมนั้น ไม่อยากจะให้แยกว่าอะไร คือ สายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์เก่า ไม่อยากจะบอกว่า ใครเก๋ากึก ดึกดำบรรพ์ ใครรุ่นใหม่ ใครเด็กแนว แต่อยากให้ทุกรุ่นทุกสายพันธุ์มีจิตใจมุ่งมั่นต่อการพัฒนาวงการศึกษา ต้องการสร้างเด็กเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ เป็นคนดี มีศีลธรรม สามัคคี
ต้องเล่าย้อนหลังไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ในสมัยที่มหาวิทยาลัยราชภัฏต่างๆ ยังเป็นโรงเรียนฝึกหัดครู/วิทยาลัยครู สมัยโน้นคนที่เรียนดีมีความเก่งในด้านวิชาการ ประพฤติดี มีศีลธรรม (เรียกว่า ที่หนึ่งของจังหวัด) จะถูกส่งไปเรียนเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ เบื้องหลังก็คือ ต้องการคนที่เป็นแม่แบบหรือเบ้าหลอมที่ถึงพร้อมในทุกๆ ด้าน มาสั่งสอนลูกศิษย์ เวลานึกถึงการเรียนสายวิชาชีพครู เราก็มักจะนึกถึงวิทยาลัยครู หรือคณะครุศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์ ศึกษาศาสตร์จากวิทยาลัยวิชาการศึกษา แต่พอต่อๆ มาเราชักเริ่มไม่แน่ใจว่า ถ้าจะเรียนครูเพื่อเป็นครูที่ดีนี่ต้องเรียนสำนักไหน?
ไม่เพียงแต่เท่านั้น... คนที่เลือกเรียนสายครูในปัจจุบันกว่าร้อยละ 60 คือคนที่สอบเข้าเรียนต่อในสายอื่นๆ ยอดนิยม (วิศวะ หมอ สถาปนิกและอื่นๆ) ไม่ได้แล้ว ทางเลือกคือ ต้องเรียนสายการศึกษา เพราะไม่อยากกลับไปทำนาทำไร่ เป็นเกษตรกรอย่างรุ่นพ่อแม่ มีเพียงส่วนน้อยที่ประทับใจคุณครู ผู้สอนในโรงเรียน มีความมุ่งมั่นที่จะเรียนในสายวิชาชีพนี้มาตั้งแต่ต้น และคนส่วนน้อยนี่แหละที่จะเป็นต้นกล้าสายพันธุ์ใหม่ ที่สืบทอดเจตนารมย์ของ สายพันธุ์เก่าวัยไม้ใกล้ฝั่งได้
ดังนั้น การคัดเลือกคนที่จะเข้าสู่ระบบการศึกษา เพื่อให้เป็นครูสายพันธุ์ใหม่ จึงควรจะมีวิธีการคัดกรองในเรื่องความเป็นคนดี มีจิตใจมุ่งมั่นต่ออาชีพนี้จริงๆ อาจจะต้องถึงขั้นทดสอบทางด้านจิตวิทยา การสืบเสาะภูมิหลังเมื่อครั้งยังเรียนในระดับมัธยมศึกษากันเลยทีเดียว เพื่อรับทุนในการศึกษาเล่าเรียน และการเรียนในสายนี้ควรมีความเข้มข้นในด้านการเรียนวิชาชีพครู จิตวิทยาสำหรับครู การฝึกสอน การปฏิบัติจริงในสถานศึกษาต่างๆ เพราะว่า ผมเคยได้รับมอบหมายให้เป็นครูผู้นิดทศนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ที่มาฝึกสอนในโรงเรียนแล้ว มีความรู้สึกผิดหวังมากๆ
มาดูกันทีละประเด็นว่าผมได้พบและผิดหวังกับอะไรบ้าง
- สอนไม่เป็น ควบคุมชั้นเรียนไม่ได้ นี่ล่ะปัญหาใหญ่ที่จะมีผลกระทบตามมามากมายในอนาคต ตั้งแต่ครูอารมณ์ร้าย ลงโทษเด็กโดยไม่มีเหตุผล เพราะอารมณ์โกรธ เพราะเท่าที่สอบถามมา ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนลงลึกในรายละเอียดของจิตวิทยาการเรียนการสอน ไม่ได้มีการฝึกปฏิบัติการสอนในสถานการณ์ต่างๆ เรียกว่า วิชาชีพครูเรียนแค่ไม่กี่หน่วยกิตเอง ที่เหลือไปเรียนอะไรบ้างก็ไม่รู้ เอาแค่การเขียนแผนการสอน ก็ยังไม่เป็นเอาเสียเลย
- ขาดความรู้ในสาขาที่สอน ไม่ได้โทษที่สถาบันการสอน แต่โทษที่ความใส่ใจของเด็กไทยสมัยนี้ เรียนเพื่อสอบเอาคะแนนเพียงอย่างเดียว สอบแล้วก็ลืมไม่เคยคิดว่าจะเก็บไปใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้า หรือเพราะคิดว่า เรียนเพื่อรักษาเกรดไม่ให้ตก เดี๋ยวงานก็มาเองตามโควต้าที่ได้ ถ้าคิดอย่างนี้ดูท่าเราจะได้ครูพันธุ์ง่าวๆ ซะแล้วล่ะครับ ถ้ายังเป็นแบบนี้เรามาคิดใหม่กันดีไหม?
สอบคัดเลือกคนที่จบสายตรงด้านวิชาการ แล้วให้มาเรียนเพิ่มเติมในสาขาวิชาชีพครูสัก 1 ปี แบบเข้มๆ ฝึกงานการสอนให้เชี่ยว ผ่านการประเมิน แล้วส่งไปทำหน้าที่การสอนในโรงเรียนจะดีกว่าไหม เพราะเนื้อหาวิชาการก็แน่นมาแล้ว วิชาครูก็ได้ด้วย - ขาดความกระตือรือล้น ไม่อุทิศตนในหน้าที่การงาน อาจจะเป็นเพราะการให้ทุนเปล่าๆ การรับประกันว่าไม่ว่างงาน เลยขาดความใส่ใจไปไหม ทำงานแบบตามตารางเวลา 8.00-16.00 น. ถ้านอกนั้นอย่าได้หวัง... การเป็นครูมันไม่ใช่ตามตารางสอน แต่มันเป็นทุกวินาที ใส่ใจเรียนรู้ ติดตามสิ่งใหม่ๆ เพื่อถ่ายทอดต่อเด็ก ให้ความรู้ได้ทุกเวลา ไม่ได้คิดว่าต้องมีตารางสอนถึงจะทำ ร้อยละ 70 ของครูใหม่ๆ ที่ผมรู้จักและได้สัมผัสร่วมงานด้วยเป็นแบบนี้ จึงได้เห็นครูเหล่านี้หลายคนหน้าแตกกลางห้องเรียน เพราะขาดการเตรียมตัวที่ดี ไม่มีการเตรียมการสอน และรู้แค่ที่มีในตำรา สุดท้ายก็มาออทางอารมณ์ที่ดุด่า ลงโทษเด็กตามข่าวที่เห็นในสื่อต่างๆ
อาจจะมีหลายเหตุผลอื่นๆ ที่ผมไม่ได้พบ ในจำนวนครูพันธุ์ใหม่ทั้งหลาย ก็อยากให้เป็นพันธุ์แท้ เป็นความหวังของวงการศึกษา ให้มากที่สุดเถอะครับ ถ้ารุ่นใหม่ๆ เข้ามาทดแทนรุ่นเก่าๆ พวกเราจะได้สบายใจมากขึ้น แต่อย่าลืมเรื่องค่าตอบแทนของวิชาชีพนะครับ ควรให้เหมาะสมหน่อย ถ้าเป็นครูอย่างเดียวรายได้แค่นี้คงยากที่จะจูงใจให้คนรุ่นใหม่มาประกอบอาชีพนี้กัน ผมสะท้อนใจทุกทีเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับ การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู (เออนะ... อาชีพนี้ทำไมถึงหนี้เยอะขนาดนี้หนอ... ผมก็มีหนี้เหมือนกันนั่นแหละ แต่ก็พอเอาตัวรอดไปได้ ไม่ได้อยากให้ใครต้องมายุ่งยากด้วยนักหรอก เราสร้าง เราก่อ เราก็ต้องแก้ได้ด้วยสติและปัญญาของเรา)
"เป็นครูบ่กู้แต่ระเบิด" อันนี้ไม่รู้ได้ยินจากวงเหล้า หรือที่ไหนมานานแล้วล่ะครับ ก็เลยถึงบางอ้อว่า.. ครูเป็นหนี้แสนล้านไม่ใช่เรื่องแปลก อ้าวมาเรื่องนี้ได้ไง... ครูพันธุ์ใหม่อย่าเป็นหนี้นะครับ มันถอนตัวยาก ยืมตรงนั้นมาโปะตรงนี้ ยืมไปยืมมาแล้วมันยุ่งเหมือนลิงติดแห แก้ไม่ออก ยุ่งไปหมดล่ะครับ...