Image_01 Image_02 Image_03
Krumontree.com Krumontree.com Krumontree.com
Home
Internet and Browser
Create and Design
Basic HTML
Beautiful Images
Control with Table
Links to the others
More tips and Tricks
FTP to Web Hosting
left_bottom

เว็บเพจที่มีเฉพาะข้อมูลตัวอักษรเพียงอย่างเดียว จะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ จึงต้องมีการแทรกรูปภาพประกอบ เพื่อเสริมความสมบูรณ์ของเนื้อหา และช่วยให้หน้าเว็บเพจมีสีสันสวยงาม น่าติดตาม สร้างความประทับใจแก่ผู้ชม เนื่องจากการแสดงผลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น ต้องการความรวดเร็ว รูปภาพที่นำมาใช้จึงต้องมีการจัดการอย่างเหมาะสม ทั้งในเรื่องของขนาดของไฟล์ ชนิดของไฟล์

ytType of Images : ชนิดของรูปภาพที่ใช้ในเว็บเพจ

ภาพดิจิตอล (Digital Image) ที่ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีหลายชนิดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องขนาดของภาพ ความละเอียด จำนวนสีที่แสดงผล เทคนิคการจัดเก็บรายละเอียด แต่ที่นำมาใช้ในเว็บเพจนั้นมีเพียง 3 ชนิด ซึ่งเว็บบราวเซอร์ส่วนใหญ่จะสนับสนุนฟอร์แมตของรูปภาพ ดังต่อไปนี้

GIF Images JPEG Images PNG Images
ภาพ GIF Formatภาพ JPG Formatภาพ PNG Format
  • ไฟล์ Gif (Compuserve Graphics Interchange Format) อ่านว่า จิ๊ฟ หรือ กิ๊ฟ มีนามสกุลเป็น *.gif ไฟล์บิตแมตชนิดนี้ เป็นไฟล์ชนิดบีบอัดข้อมูล สามารถแสดงสีได้สูงสุดเพียง 256 สี เหมาะสำหรับใช้จัดเก็บภาพการ์ตูน หัวข้อเรื่อง ที่มีความละเอียดของสีสันน้อยแสดงผลได้เร็ว รวมทั้งสนับสนุนการแสดงภาพเคลื่อนไหวได้ ทำให้เป็นภาพชนิดพื้นโปร่งใส (Transparency) จึงมีความน่าสนใจมากขึ้น มีความสามารถในการแสดงผลแบบหยาบ และค่อยๆ ขยายไปสู่ละเอียด (Interlace)
    GIF Animation
    ภาพแบบเคลื่อนไหว GIF Animation
     
  • ไฟล์ JPEG หรือ JPG (Joint Photographic Experts Group) อ่านว่า เจ-เพ็ก มีนามสกุลเป็น *.jpg เป็นไฟล์ชนิดบีบอัดข้อมูลที่มีขนาดเล็กมาก และแสดงสีได้สูงสุดถึง 16.7 ล้านสี ทำให้ภาพมีความคมชัดสูง เนื่องจากไฟล์ชนิดนี้ผ่านการบีบอัดข้อมูลมาก จึงใช้เวลาในการคลายภาพกลับมา เพื่อแสดงผลจะนานกว่าไฟล์ GIF มีระบบการแสดงภาพแบบหยาบแล้วค่อยๆ ละเอียดชัดเจนขึ้นแบบ Progressive มีจุดอ่อนที่ไม่สามารถทำพื้นโปร่งใสได้ จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสม
    JPEG Format
    ภาพรายละเอียดสูง JPEG Format

    ดังนั้นจึงนิยมนำไฟล์ JPG ไปใช้ในการแสดงผลรูปภาพที่มีขนาดใหญ่ มีความละเอียดในภาพสูง เช่น ภาพคน ภาพอาคารสถานที่ ภาพทิวทัศน์ และจะใช้ไฟล์ GIF กับรูปภาพที่มีขนาดเล็ก โดยส่วนใหญ่แล้วไฟล์ GIF สามารถโหลดมาแสดงผลได้รวดเร็วกว่าไฟล์ JPG ด้วยกลวิธีของระบบอิเล็กทรอนิกส์ดาวน์โหลด
     
  • ไฟล์ PNG (Portable Network Graphic) อ่านว่า ปิง เป็นไฟล์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาแทนไฟล์ GIF และไฟล์ JPG ซึ่งเป็นการดึงเอาคุณสมบัติเด่นๆ ของไฟล์ทั้งสองรูปแบบมาใช้งาน เช่น สนับสนุนจำนวนสีได้มากเหมือนภาพ JPEG แต่การแสดงผลแบบหยาบไปละเอียดเลือกใช้แบบ Interlace เหมือนภาพ GIF ทำพื้นโปร่งใสได้ด้วย แสดงผลได้อย่างรวดเร็ว ในปัจจุบันได้มีการนำเข้ามาแทนที่รูปภาพชนิด JPEG และ GIF แล้ว โปรแกรมตกแต่งภาพหลายค่ายก็สนับสนุนการเปิดและบันทึกไฟล์สกุลนี้ ในระบบปฏิบัติการที่มีพื้นฐานจาก Unix เช่น Linux, Mac OSX จะใช้ภาพสกุลนี้เป็นหลักในการบันทึกภาพจากซอฟท์แวร์ต่างๆ
    PNG Format
    ภาพเคลื่อนไหว PNG Animation
    ที่มา : http://commons.wikimedia.org/wiki/File:Gubu_animation.png

ปัจจุบันนี้ นิยมใช้ภาพแบบ PNG แบบ 24 bits ทำเป็นภาพหัวเรื่องกัมาก เพราะแสดงผลได้มากกว่า 256 สี ขอบภาพมีความคมชัด พื้นหลังโปร่งใส สวยงามกว่าภาพแบบ GIF ดังตัวอย่างด้านล่างนี้

GIF Header
เปรียบเทียบภาพหัวเรื่องชนิด GIF และ PNG
PNG Header

ไม่ว่าจะใช้รูปภาพแบบใด สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนการนำมาใช้งานคือ เรื่องขนาดที่มีความเหมาะสม ไม่ใหญ่จนทำให้บดบังเนื้อหา หรือเล็กจนไม่สามารถบอกรายละเอียดอะไรได้ มีขนาดของไฟล์เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 10 KB ถึง 50 KB

ขนาดความกว้างยาวของภาพ ถ้าภาพมีขนาดใหญ่กว่าเนื้อที่ที่เราต้องการ ควรปรับขนาดของภาพด้วยโปรแกรมตกแต่งภาพ ให้มีขนาดภาพเท่าที่ต้องการ จะได้ขนาดไฟล์ที่เล็กกว่าการใช้วิธีย่อสัดส่วนภาพ ด้วยคำสั่งในภาษา HTML (กำหนดความกว้าง x สูงของภาพ)

ytSource of Images : แหล่งที่มาของรูปภาพ

ในการนำรูปภาพมาใช้งานในหน้าเว็บเพจนั้น จะต้องคำนึงถึงลิขสิทธิ์ของภาพที่นำมาใช้ เพราะเป็นงานสร้างสรรค์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ควรมีการขออนุญาตจากเจ้าของ ในกรณีที่ใช้งานของผู้อื่นมาประกอบในหน้าเว็บเพจของเรา อย่างไรก็ตามเราสามารถหารูปภาพมาใช้งานได้โดยวิธีการดังต่อไปนี้

  • วาดขึ้นเองด้วยโปรแกรมวาดภาพ เช่น Photoshop, Paint Shop Pro, CorelDRAW, PhotoImpact หรือโปรแกรมอื่นๆ ซึ่งต้องใช้ความสามารถและความชำนาญในขั้นสูง
  • สแกนด้วยเครื่องแสกนเนอร์จากภาพถ่าย หรือหนังสือ สิ่งพิมพ์ ซึ่งอาจมีลิขสิทธิ์ภาพ ต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์นั้น
  • บันทึกภาพด้วยกล้องดิจิตอล จากสถานที่ต่างๆ นำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับเนื้อหาด้วยฝีมือการถ่ายภาพของเราเอง
  • ซื้อคลิปอาร์ตรูปภาพหรือ Photo CD มาใช้งาน
  • ดาวน์โหลดรูปภาพจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่ไม่สงวนลิขสิทธิ์มาใช้งาน ซึ่งในปัจจุบันมีอภาพอยู่เป็นจำนวนมากที่ระบุว่า เป็นภาพที่มีลิขสิทธิ์แบบ Creative Commons (CC) ซึ่งเรานำมาใช้เพื่อการเผยแพร่ทางการศึกษาได้ แต่ห้ามรวบรวมนำไปจำหน่าย หรือนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้า เช่น http://www.freephotobank.org/ สังเกตได้จากเครื่องหมาย CC

ครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons: CC) คือองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร จัดตั้งขึ้นเพื่อขยายขอบข่ายของการใช้สื่อต่างๆ ให้กว้างขึ้น โดยไม่จำกัดที่สัญญาอนุญาตของสื่อนั้นๆ สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์ จะเอื้อให้มีการใช้สื่อทั้งทางภาพ เสียง ข้อมูล โดยการแบ่งแยกสัญญาอนุญาตย่อยออก สำหรับการแจกจ่ายและการใช้ข้อมูล โดยการอ้างอิงถึงเจ้าของลิขสิทธิ์เดิม ครีเอทีฟคอมมอนส์ก่อตั้งโดย ลอว์เรนซ์ เลสสิก ซึ่งปัจจุบันบริหารงานโดย โจอิจิ อิโต (จอย อิโต)

สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ ช่วยให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถให้สิทธิบางส่วน หรือทั้งหมดแก่สาธารณะ ในขณะที่ยังคงสงวนสิทธิอื่นๆไว้ได้ โดยการใช้สัญญาอนุญาตหลายหลากรูปแบบ ซึ่งรวมถึง การยกให้เป็นสาธารณสมบัติหรือสัญญาอนุญาตแบบเปิดทั้งหลาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาลิขสิทธิ์ต่อการแบ่งปันสารสนเทศ

สัญญาครีเอฟทีฟคอมมอนส์ในภาษาไทย จัดทำขึ้นโดยความร่วมมือของ สำนักกฎหมายธรรมนิติ สถาบัน Change Fusion และสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยรองรับตามหลักเกณฑ์ครีเอทีฟคอมมอนส์ รุ่น 3.0 และปรับให้เข้ากับกฎหมายลิขสิทธิ์ไทย จึงสามารถใช้บังคับได้ตามกฎหมายไทย ประกาศเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2552 เป็นลำดับที่ 51 ของโลก

(รายละเอียดดูได้ที่ http://creativecommons.org/international/th/)

Next Next

Your visitor no.
Create & Design Web Page with Basic HTML & Tools
Author : KruMontree Kotkanta     e-M@il : webmaster at krumontree.com