คำแนะนำสำหรับทุกท่านท่านสามารถ "ค้นหา" บทความย้อนหลังด้วยคำภาษาไทยจากเว็บไซต์นี้ได้ง่ายๆ อ่านที่นี่ครับ |
โดย ดร.สุพักตร์ พิบูลย์
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2557 ผมได้ไปร่วมอภิปรายเรื่อง "ทิศทางการจัดการศึกษาของประเทศไทย ในศตวรรษที่ 21 (ทศวรรษที่ 2-3)" ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กลุ่มผู้ฟังส่วนใหญ่น่าจะเป็นครู - อาจารย์ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และนักศึกษา ป.โท เอก ของ มสธ. ในการพูดคุย ผมได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับทิศทางการจัดการศึกษา (เน้นระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ซึ่งผมตั้งใจจะเสนอ ดังต่อไปนี้
1. บริบทการศึกษาไทย ศตวรรษที่ 21 ทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2011-2020) : การจัดการศึกษาในปี 2554-2563 เราต้องเผชิญกับอะไรบ้าง มีภาวะคุกคามและเงื่อนไขโอกาส อย่างไรบ้าง
ปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับทิศทางการศึกษาไทยในอนาคต ของ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 18 ของประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ "๕๐ ปี โรงเรียนศรีวิกรม์" ใจความตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยน่าสงสารมาก การศึกษาของไทยก็น่าสงสารมาก เรามีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีความโชคดีด้วยภูมิศาสตร์ แต่เป็นความโชคดีอย่างประหลาด ที่ประเทศไทยไม่มีภัยพิบัติร้ายแรง เหมือนหลายประเทศในโลก ไม่มีพายุทอร์นาโด ไม่มีแผ่นดินไหว อย่างมากก็น้ำท่วม แต่มองลึกๆ แล้วประเทศไทยมีกรรม เพราะ 70-80 ปีที่ผ่านมาไทยเผชิญกับภัยพิบัติที่มาจากคนไทยด้วยกันเอง
"ประเทศไทยเผชิญกับภัยพิบัติที่เกิดจากคนไทย มานานถึง 70-80 ปี คนไทยสร้างสึนามิทุกๆ วัน เพราะคนไทยไม่สนใจความจริง เชื่อข่าวลือ เล่นพระเครื่อง ไม่ว่าจะจับต้องอะไรก็ผิวเผิน ไม่มีความรู้ลึกลงไปถึงแก่สาร สาระที่สำคัญจริงๆ ส่วนหนึ่งที่คนไทยเป็นเช่นนี้ มาจากพ่อแม่ไม่ส่งเสริมสนับสนุนให้ลูกพูดความจริง พ่อแม่ไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนลูก พ่อแม่บางคนก็ทำร้ายลูก ตบตีลูก
โดย ดร.ปัญญา เปรมปรีด์ิ
ในขณะที่ท่านนายกทักษิณพยายามขอให้ผู้บริหารของไทย ได้หันมาใช้นโยบาย "คิดใหม่ทำใหม่" ผมก็พบว่าหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจได้คิดตามสั่งจริง แต่ผลที่ได้คือ ของบประมาณเพิ่มขึ้น แต่เอาไปทำเรื่องเก่าๆ ที่เป็นอยู่ เรื่องนี้นอกจากจะเสียเวลาแล้ว มันยังจะทำให้สิ้นเปลืองยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ผมรู้สึกสงสารท่านนายกจริงๆ นโยบายที่ง่ายๆ ปฏิบัติกันได้ไม่ยาก แต่กลับถูกตีความไปในทางตรงกันข้าม แล้วชาติบ้านเมืองจะคืนสู่ความปรกติสุขได้อย่างไร วันนี้ผมจะขอเอาตัวอย่างมาให้ท่านดูสัก 2 เรื่อง แล้วเรามาดูกันว่าเราควรจะแก้ไขกันอย่างไร?
เรามาเริ่มกันที่ตัวอย่างอันแรกกันเสียก่อน หน่วยงานนี้เป็น รัฐวิสาหกิจที่จะต้องแปรรูปในเร็วๆ นี้ ดังนั้น ไม่ว่าท่านนายกจะสั่งมาหรือไม่สั่งมา เขาก็ต้องคิดที่จะทำอะไรบางอย่างอยู่แล้ว
ผลของการคิดใหม่ของเขาก็คือ ต้องการเปลี่ยนระบบงานคอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่มีอยู่ เขาเริ่มด้วยการขอเปลี่ยน ซอฟท์แวร์ที่ทำงานด้านบัญชีและการบริหารทรัพยากร ซึ่งเป็นเงินประมาณ 215 ล้านบาท นี่เป็นค่าซอฟท์แวร์แต่เพียงอย่างเดียวนะครับ มันทำให้คนที่ต้องพิจารณาความเหมาะสมต้องสะดุ้ง ทั้งนี้เพราะไม่เคยมีซอฟท์แวร์อะไรที่แพงอย่างนี้ แต่ข้ออ้างของเขาก็ทำให้คณะกรรมการต้องยอมแพ้ คือมันเป็นการเปลี่ยนเวอร์ชั่น ซอฟท์แวร์เวอร์ชั่นเก่านั้นบริษัทบอกเลิกการให้การสนับสนุนแล้ว และถ้าไม่เปลี่ยนก็อาจเสียหายต่อหน่วยงานเป็นพันล้านบาทต่อปี ….ฯลฯ
โดย ดร.ปัญญา เปรมปรีดิ์
เมื่อเช้านี้ (ประมาณเดือนกันยายน 2544) ผมอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เขาบอกว่า มีคุณแม่ของเด็กคนหนึ่งได้ร้องเรียนถึงหนังสือพิมพ์ว่า ต้องเอาบุตรชายอายุ 6 ขวบ ออกจากโรงเรียนชนิด "e-School " โรงเรียนดังกล่าวนี้เป็นโรงเรียนนำร่อง ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มูลนิธิไทยคม มูลนิธิศึกษาพัฒน์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสสาชูเซส (MIT)
เหตุผลของเธอคือ ครูที่สอนนั้นเป็นบัณฑิตใหม่ ไม่ได้จบครู จึงไม่เข้าใจการสอนเด็ก ปล่อยให้เด็กเล่มคอมพิวเตอร์อย่างเดียว นอกจากนี้ก็ยังชี้อีกว่า มีเรื่องไม่ชอบมาพากล คือโรงเรียนใช้ซอฟแวร์ของสถาบันเอ็มไอที ซึ่งมีราคาแพง หากนำไปใช้ทั่วประเทศก็จะเสียเงินมหาศาล เรื่องนี้ทาง ผู้ช่วยอธิการบดีของพระจอมเกล้าธนบุรี ออกมาชี้แจงว่า อีสกูลดังกล่าวนี้เพิ่งเปิดมาได้ 3 เดือน จึงอยู่ระหว่างการดำเนินการที่จะสร้างครูให้เหมาะสม ในขณะเดียวกันก็แจ้งว่า เด็กคนดังกล่าวนั้นเป็นเด็กมีปัญหา คือชอบใช้ความรุนแรงกับเพื่อน
ครับ ผมอ่านแล้วช็อคไปสามตลบ ผมช็อคในเรื่องใดบ้างเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราน่าจะนำมาถกกัน คือมาถกกันว่า เจ้าอี สกูล (E-school ) หรือ อีเลินนิ่ง (E-learning) นี้มันคืออะไรกันแน่ มันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติของเราหรือไม่ และเราจะต้องปรับระบบการเรียนการสอนของเราไปในรูปนั้นทั้งหมดหรือไม่ ? เรื่องนี้ เป็นเรื่องใหญ่นะครับ มันไม่ใช่แค่ข่าวการทะเลาะกัน
โอเค, มาดูกันว่าผมตกใจและมึนงงกับเรื่องอะไรบ้าง ?
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)