|
(ต่ออีกตอน)
วันนี้วันเด็กแห่งชาติ "ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต" ไม่ได้ออกไปไหนเพราะไม่มีลูกหลานตัวเล็กๆ มาอ้อนให้ไปร่วมงานวันเด็ก วันนี้ก็จะเป็นวันรถติดแห่งชาติอีกวัน เพราะถนนทุกสายต่างก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดงานวันเด็กกัน ก็เลยขอบ่นต่อจากครั้งที่แล้วอีกสักนิด ก็แล้วกัน เป็นการย้อนเอาบทความเมื่อสิบปีก่อนมาเขียนใหม่อีกครั้ง เพิ่มเติมบริบทปัจจุบันเข้าไปหน่อย เพื่อยืนยันว่า สิ่งที่ผมบ่นๆ ไปนั้นมันยังคงอยู่ การพัฒนาการศึกษาที่ไม่มองในภาพกว้าง นักการเมืองที่มาเป็นเจ้ากระทรวงแต่ละคน ก็คิดแต่นโยบายหาเสียงเฉพาะหน้า (แฝงด้วยการคอรัปชั่นทางนโยบายกอบโกยกันไป) ข้าราชการ/นักวิชาการสอพลอจำนวนหนึ่ง ก็โดดงับสนองอย่างทันท่วงที ได้ดิบได้ดีบนหอคอยงาช้าง ความล้มเหลวจากโครงการต่างๆ โยนขี้ให้ครูรับกรรมไป โดยเฉพาะครูบ้านนอกไกลปืนเที่ยงเป็นจำเลยที่หนึ่งกันทีเดียว
คณะอนุกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รวบรวม และกลั่นกรองข้อมูล จนได้ประเด็นในการปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใน 4 ประเด็น ดังนี้
คุ้นๆ ไหม เหล้าเก่าในขวดใหม่ดีกรีเจือจาง นานมากตั้งแต่ประกาศปฏิรูปการศึกษามาโน่นแหละ ก็มันมีประเด็นอยู่แค่นี้จะไปเพิ่มอีกให้หลายหัวข้อก็สรุปลงที่ 4 หัวข้อนี้แหละ อยากรู้แค่ว่า ท่านจะสั่งให้ครู "กลับหลังหัน หน้าเดิน!" อย่างไรมากกว่า
ผ่านไปไวเหมือนโกหก 12 ปีกับอีก 5 เดือนที่เว็บไซต์ชื่อ "ครูมนตรีดอทคอม" ปรากฏขึ้น จากการเขียนขึ้นเพราะอึดอัดคับข้องใจ อยากตะโกนออกไปให้ดังๆ เผื่อจะกระทบหูผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบ้าง ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาหลายยุค นับตั้งแต่การโค๊ดเขียนด้วยภาษา HTML ด้วยเครื่องมือเอดิเตอร์พื้นฐานอย่าง Notepad มาเป็นเครื่องมือช่วยอีกหลายตัวที่มีแจกให้ใช้กัน มาสู่ยุคการใช้ฐานข้อมูลกับเว็บไซต์สำเร็จรูปอย่าง Joomla 1.0 ผ่านร้อนหนาวมาจนถึงปัจจุบัน แต่เนื้อหาจุดหมายปลายทางไม่เคยเปลี่ยน "เว็บไซต์เพื่อนครูไทยหัวใจดอทคอม"
เอ่ยถึงวันวานเพราะอยากจะพูดถึงเรื่องเมื่อวานกับวันนี้ "เสียงบ่นครูมนตรี" ที่ดังมานานกว่า 12 ปีมาแล้ว ที่เคยคิดเคยบ่นไว้เพื่อช่วยหาทางออกให้กับการศึกษาไทย แต่ทุกอย่างก็ยังย่ำอยู่กับที่ แม้จะประกาศทำการปฏิรูปการศึกษามาแล้วกว่าทศวรรษก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยจริงๆ เอาล่ะถ้ามันจะเดินหน้าไม่ได้ก็ลองถอยหลังไปดูซิ ไปดูว่าสิ่งดีๆ ในอดีตที่เราเคยใช้จะเอามาประยุกต์ใช้ในวันนี้ได้ไหม
หลังจากปลุกปล้ำกับการกู้คืนข้อมูลของเว็บไซต์อยู่หลายวัน วันนี้พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าต่อ ก็ไปเจอบันทึกจากการเป็นวิทยากร ของท่านอาจารย์ ดร.สุพักตร์ พิบูลย์ มาเห็นว่าน่าสนใจ ควรที่จะนำมาบอกกล่าวกัน เพื่อสร้างครูมืออาชีพ เป็นกำลังใจให้กับครูผู้มีอุดมการณ์ทั้งหลาย เพื่อการถ่ายทอดสู่ครูรุ่นใหม่ ให้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อการพัฒนาการศึกษาไทยต่อไป
วันนี้ (22 ธันวาคม 2557) ผมได้ไปเสวนากับคณะผู้บริหาร สพม.1 ณ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล เรื่อง แนวทางการพัฒนาสมรรถนะครูผู้ช่วย/ครูบรรจุใหม่ เพื่อก้าวสู่การเป็นครูมืออาชีพ จัดโดย สมาคมผู้บริหารสถานศึกษา กรุงเทพมหานคร นำโดยนายกสมาคม ผอ.สำเร็จ แก้วกระจ่าง ได้พูดคุยหลายเรื่อง อาทิ
จากข่าวการศึกษาข่าวนี้ "“กมล”ยอม รับ 1 ใน 3 ของเด็กป.3 อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เตรียมตั้ง กก.ยกระดับการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนครบวงจร ดันฟื้นสอบตกเรียนซ้ำชั้น" เป็นที่ฮือฮา ถูกอกถูกใจบ้าง ขัดใจกันบ้าง จนมีประเด็นเอามาถกกันในรายการโทรทัศน์เมื่อวานนี้ รายการ "คมชัดลึก" ทางช่องเนชั่นทีวี ใครจะดูย้อนหลังก็คลิกที่ลิงก์ได้เลยนะครับ ดูจนจบก็มีส่วนหนึ่งที่ผู้ร่วมรายการตอบ เป็นหนทางที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะบริบทในต่างถิ่นต่างที่ย่อมต้องมีวิธีการที่ต่างกันออกไป ส่วนพิธีกรคุณจอมขวัญ หลาวเพชร์ ต้องบอกว่าทำการบ้านมาไม่ดีพอ สิ่งที่เธอถามมันเป็นมุมมองของคนเมือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นและยังเป็นปัญหานั้นส่วนใหญ่อยู่ในชนบท
การแก้ปัญหาการอ่านออกเขียนได้นั้น ต้องแก้หลายอย่าง ตั้งแต่โครงสร้างหลักสูตรที่ยัดเยียดทำระบบอุตสาหกรรมการศึกษา ต้องยกออก ครูต้องได้รับการกระตุ้นและพัฒนามากกว่านี้ หน่วยเหนือเลิกบ้านโยบายเหวี่ยงแหเสียที การศึกษาไม่ใช่การปลูกผักบุ้ง หรือเขาไม่เคยอ่านกล่อนของ มล.ปิ่น มาลากุล มาก่อนหรือไร?
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)