สวัสดีครับเพื่อนๆ ครูไทยทุกท่าน
วันนี้กลับมาทักทาย หลังห่างหายไปนานจนเพื่อนๆ ทักมาทาง Messenger ว่าเลิกทำเว็บไซต์นี้แล้วเหรอ ไม่เห็นเคลื่อนไหวอะไรมานานนับปีแล้ว (ดีนะไม่ทักมาว่า ตุยแล้วเหรอ😁😄😅😂🤣) ยัง ยัง ผมยังไม่ตุย แค่พักผ่อน พักฟื้นเป็นบางช่วง ตามประสาชายชราวัยไม้ใกล้ฝั่ง ต้องซ่อมแซม ปะผุ ทำสีใหม่ เป็นระยะ (ว๊าย! ยังกะรถเก่าโบราณมือสิบยังไงยังงั้น) และยุ่งอยู่กับการอัพเดทเวอร์ชั่นเว็บไซต์ที่ตัวเองทำอยู่หลายโดเมน
เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเหล่าบรรดานักพัฒนาระบบ เพื่อป้องกันอันตรายจากภัยไซเบอร์ที่มีมากมายเหลือเกิน หลังจากที่ทนอยู่กับระบบ Joomla 3 เดิมๆ ย่ำอยู่หลายปี เขาเปลี่ยนมาเป็นเวอร์ชั่น 4, 5 แล้ว รวมทั้งเว็บไซต์ครูมนตรีนี่ก็ด้วย พอทำเสร็จได้ไม่ถึงสามวัน ทางทีมพัฒนา Joomla! ออกมาประกาศว่า ปลายปีนี้เจอกันแน่นะจ๊ะ Joomla 6 โอย... ตามไม่ทันอีกแล้ว ขออย่างเดียวอย่าทำแบบ Joomla 3 > Joomla 4 > 5 ที่ใช้เทมเพลตเดิมไม่ได้ ต้องทำใหม่มันเหนื่อยมากเลย ถ้าจะอัพเดทเป็น Joomla 6 ขอให้ใช้เทมเพลตของเวอร์ชั่น 5 ได้ด้วยเลยนะ กราบล่ะ!
เปิดเทอมใหม่หัวใจว้าวุ่น
หลายโรงเรียนเริ่มคึกคักมีชีวิตชีวาทั้งบรรดานักเรียนเก่าที่เลื่อนชั้นมาเป็นรุ่นพี่ และนักเรียนใหม่ที่มาเป็นจูเนียร์อนุบาลบ้าง ป.1 บ้าง ม. 1 และ ม. 4 บ้าง รวมทั้งมีครูคนใหม่ที่เพิ่งจะบรรจุ และครู่เก่าที่อื่นแต่ย้ายมาโรงเรียนใหม่ ก็ขอให้มีความสุข สนุกในการทำกิจกรรมการเรียนการสอนนะครับ ได้ทราบจากข่าวว่า ทางกระทรวงเจ้าสังกัดกำลังพยายามกำจัดงานที่นอกเหนือจากหน้าที่ครูออกไป เพื่อให้ครูได้มุ่งมั่นพัฒนาการเรียนการสอนเพียงอย่งเดียว (หวังว่าจะสำเร็จนะครับ ครู่เก่าแก่ๆ ขอเอาใจช่วย 1,000,000%)
เปิดเทอมใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นก็กับเด็กนักเรียนมีทั้งที่เปลี่ยนโรงเรียน เลื่อนชั้นใหม่ และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ การซื้ออุปกรณ์การเรียน ไม่ว่าจะเป็นชุดนักเรียน รองเท้า ถุงเท้า กระเป๋า นี่คือสิ่งที่ผู้ปกครองจะต้องจัดเตรียมไว้ให้บุตรหลานเพื่อใช้ในสถานศึกษา
แน่นอนว่า เปิดเทอมแต่ละครั้ง ค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้ง มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ยิ่งในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ประชาชนต้องรัดเข็มขัดและใช้จ่ายอย่างมัธยัสถ์เท่าที่จำเป็น แต่จะให้ประหยัดมากอาจส่งผลที่ไม่ดีต่อเด็กๆ เช่นกัน
ดังนั้น แนวทางการแก้ปัญหาของผู้ปกครองที่มีเงินไม่เพียงพอ คือ นำทรัพย์สินไป “จำนำ” มากที่สุด รองลงมา คือ “กู้เงินในระบบ”
ค่าใช้จ่ายโดยรวมสำหรับช่วงเปิดเทอมปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่คนละ 26,039 บาท 45.6% ผู้ปกครองส่วนใหญ่ มองว่า ค่าใช้จ่ายโดยรวมในช่วงเปิดเทอมปี 2568 เท่ากับเปิดเทอมปี 2567 ที่ผ่านมา รองลงมา 30.2% มองว่า มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และ 4.5% มองว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่อีก 19.7% ระบุว่าค่าใช้จ่ายปีนี้น้อยลง (มีค่าใช้จ่ายที่ลงไปแล้วก่อนจะมาออกประกาศภายหลังว่า เสื้อผ้าชุดลูกเสือ-เนตรนารี ไม่จำเป็นต้องใช้ ก็ซื้อไปแล้วนี่ คิดช้า เงื้อง่าราคาแพงในการสั่งการ รวมทั้งสั่งมาก็ไม่เด็ดขาด มีเสียงอ่อยๆ ว่า ให้โรงเรียนพิจารณาตามความจำเป็น ปั๊ดโธ่! ไม่ต้องสั่งขี้มูกก็ได้มั๊งแบบนี้)
ส่วนค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียนของบุตรหลาน มีส่วนทำให้ต้องก่อหนี้เพิ่มหรือไม่นั้น 41% ผู้ปกครองระบุว่าไม่มีส่วนให้ก่อหนี้เพิ่ม รองลงมา 38% ตอบว่ามีการก่อหนี้เพิ่ม แต่ไม่ถึง 10% ของยอดหนี้ทั้งหมด โดยมีเพียง 0.4% เท่านั้น ที่ตอบว่ามีการก่อหนี้เพิ่มมากว่า 60% ของยอดหนี้ทั้งหมด
สำหรับความสำคัญของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ในระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษานั้น 50.1 % ผู้ปกครองส่วนใหญ่ตอบว่า มีความสำคัญมาก รองลงมา 43.5% มีความสำคัญปานกลาง ขณะที่อีก 6.4% ตอบว่ามีความสำคัญน้อย ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 47.1% มองว่า กยศ. ช่วยลดภาระผู้ปกครองได้ในระดับปานกลาง รองลงมา กลุ่มตัวอย่าง 43.6% ตอบว่าช่วยได้มาก ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง 3.5% ตอบว่าช่วยไม่ได้เลย
การที่ยอดใช้จ่ายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อาจตีความได้ว่า ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาปรับตัวสูงขึ้น หรือผู้ปกครองให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษาของบุตรหลานมากขึ้น"
อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองยังมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลปรับปรุงด้านการศึกษาของไทยในปัจจุบัน เช่น ปรับปรุงระบบการประเมินผลนักเรียนที่วัดผลในหลายมิติ ลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา ให้แต่ละโรงเรียนมีคุณภาพการเรียนการสอนที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน สนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับผู้ขาดแคลนทุนพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ทัดเทียมระดับสากลปรับการเรียนการสอนให้ดึงดูดความสนใจของนักเรียน และเพิ่มบุคลากรทางการศึกษา
นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังมองว่า การศึกษาไทยน่าจะมีการพัฒนาคุณภาพมากขึ้น เพราะคนยังมีความเชื่อมั่นน้อยว่าสถาบันการศึกษาของไทย จะทำให้คุณภาพของนักเรียนโดดเด่นได้เหมือนกับโรงเรียนนานาชาติ
วิธีประหยัด คือจะซื้อชุดนักเรียนเผื่อไว้ให้ใช้จนถึงม.3 เลยที่เดียว ที่จะต้องซื้อบ่อยที่สุด คือ รองเท้าและถุงเท้านักเรียน ส่วนอุปกรณ์การเรียนอื่นๆ ซื้อน้อยมาก แต่ยอมรับว่าเศรษฐกิจในตอนนี้ทำให้ต้องรัดเข็มขัดพอสมควร อะไรที่ยังใช้ได้อยู่ก็จะไม่ซื้อใหม่ หรือใช้ของเดิมไปก่อน"
ต่อจากนี้ เมื่อเปิดเทมแล้ว นักเรียนพร้อม ครูพร้อม ก็จะเป็นการเริ่มกิจกรรมพัฒนาการศึกษาเพื่อให้ลูกหลานของเรา มีความรู้ความสามารถทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศในทุกๆ ด้าน รอบรู้ทั้งวิชาการ ความรู้สมัยใหม่ พร้อมในการศึกษาหาความรู้ตลอดชีวิต เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ ต่อไป ภาพข้างล่างนี้ควรจะเกิดขึ้นได้ใน พ.ศ. 2568 นี้นะครับ
บันทึกไว้เมื่อ : 14 พฤษภาคม 2568
ครูมนตรี โคตรคันทา ข้าราชการครูวัยเกษียณ
