99/169 Sarin7 UBN 34190 081 878 3521 This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. Everyday : 09:00am-05:00pm
"ครูที่ดีย่อมไม่ฆ่าเวลาศิษย์  สำนึกผิดทิ้งเด็กไว้มิได้สอน  หนึ่งนาทีนั้นมีค่าอย่าตัดรอน  เมื่อศิษย์อ่อนจะโทษใครให้คิดดู"   มล.ปิ่น มาลากุล

แท็ปเล็ต : น้ำตาเล็ด มาอีกแล้ว

tablet or tear

ยังจำได้ไหมกับโครงการ “1 แท็บเล็ต 1 นักเรียน (One Tablet PC per Child)” ยุค “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” แท็บเล็ต 2 ล้านเครื่อง กับงบประมาณ 6 พันล้าน ที่ละลายหายไปเหลือแต่ซากแห่งคราบน้ำตา ความไม่พร้อมนานาทั้งครู-นักเรียนและสื่อที่จำเป็น ได้สินค้าคุณภาพต่ำตม กลายเป็นขยะที่ต้องรักษาไว้อยู่หลายปี จนกว่าจะจำหน่ายจากบัญชีพัสดุได้

เรื่องนี้คุณครูหลายคน (50up) คงทันกับเหตุการณ์และจดจำได้ดี หลายคนตื่นเต้นกับนโยบายขายฝันนี้ หลายคนถูกเกณฑ์ให้มาเร่งจัดทำสื่อเพื่อบรรจุลงในเจ้ากระดานชนวนอิเล็กทรอนิกส์นี้ และอีกหลายคนที่ต้องผจญกับปัญหาร้อยแปดจากการแก้ไขปัญหาการใช้งานของครู และนักเรียน 

tablet or tear 01

ปัญหาที่อยู่ในความทรงจำ

เกิดปัญหาการบริหารจัดการโครงการแท็บเล็ต มันมีปัญหาตั้งแต่ปีแรก เช่น การจัดส่งไปยังโรงเรียนล่าช้ากว่ากำหนด แท็บเล็ตมีปัญหาพังหรือเสียบ่อยๆ โรงเรียนที่ได้รับแจกแท็บเล็ตในพื้นที่ห่างไกลยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ตลอดจนศูนย์ซ่อมบำรุงก็มีไม่ครอบคลุมทุกจังหวัด และยังมีปัญหาเนื้อหาที่บรรจุลงในแท็บเล็ต ยังไม่สามารถตอบโจทย์ของทุกโรงเรียนที่เด็กมีศักยภาพแตกต่างกันได้ แล้วกระดานชนวนอิเล็กทรอนิกส์ตัวนี้ก็มีหน้าจอไม่ได้เลื่อนไหลดังคำโฆษณา คลิกตรงไหน ลากยังไงก็ไม่ไป กว่าจะบูตขึ้นมาได้ ไม่มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เพียงพอ ครูต้องใช้วิชาช่างไฟฟ้า (จำเขามา) ทำชุดควบคุมการชาร์จแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้หลายๆ เครื่อง ต้องปิดการจ่ายไฟเมื่อครบกำหนดเวลา ฯลฯ ตลอดจนความไม่พร้อมด้านความรู้ของครูหลายๆ คน จนทำให้เกิดปัญหาว่า "เด็กนำแท็บเล็ตไปใช้เพื่อการเล่นเกมมากกว่าใช้ในการเรียนการสอน"

มีการแบ่งขอบเขตการจัดซื้อจัดจ้างเป็นโซนเพื่อให้มีการแข่งขันกัน เสนอราคาประมูลจัดซื้อจัดจ้าง มีบริษัทจีน และบริษัทในไทยชนะการประมูลในแต่ละโซน ด้วยการกำหนดราคาและสเป็กที่ต่ำให้ไม่เกินวงเงิน จึงได้แต่สินค้าจีนที่ไม่ต้องสืบว่าคุณภาพจะดีเด่นขนาดไหน แต่หลังจากนั้นเกิดปัญหาการบริหารจัดการที่ล่าช้าข้ามปี บริษัทที่ชนะการประมูลไม่สามารถจัดส่งเครื่องได้ตามสัญญา จนทาง สพฐ. ต้องยกเลิกสัญญาจัดซื้อจัดจ้างในโซนที่ 1 ส่วนโซนที่ 3 มีปัญหาส่อฮั้วประมูล จนต้องมีการยื่นอุทธรณ์ร้องทุกข์ และตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างย้อนหลังนานหลายเดือน จนทำให้กระบวนการต่างๆ หยุดชะงัก กว่าจะทยอยส่งเครื่องให้นักเรียนก็ล่าช้าไปหลายเดือน เช่นเดียวกับโซนที่ 4 ต้องยกเลิกสัญญาเช่นเดียวกัน เพราะบริษัทที่ชนะการประมูลไม่สามารถจัดส่งแท็บเล็ตได้ตามเวลาที่กำหนด

tablet or tear 02

สุดท้ายเมื่อเกิด การรัฐประหาร ในปี 2557 พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำกับดูแลฝ่ายสังคมจิตวิทยา ประชุมพิจารณาโครงการแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา (OTPC) และมีมติให้ยกเลิกการจัดซื้อแท็บเล็ตตามปีงบประมาณ 2556 ที่เหลืออยู่ และปีงบประมาณ 2557 ทั้งหมด โดยมีเหตุผลของการยกเลิกคือ

  • นักเรียนทุกคนไม่จำเป็นที่ต้องได้รับแจกแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง เพราะใช้แท็บเล็ตเรียน 1-2 ชั่วโมงต่อวัน เท่านั้น ซึ่งอาจใช้งานหมุนเวียนกับนักเรียนทุกๆ คน-ทุกๆ ชั้นในโรงเรียน จึงไม่คุ้มค่าไม่เหมาะสมที่จัดซื้อให้แก่นักเรียนทุกคน
  • แท็บเล็ต ไม่เหมาะ-ไม่ควรที่นำมาสอนตลอดเวลา ควรใช้เป็นเครื่องในการเรียนบางชั่วโมง และเด็กๆ ควรเรียนรู้จากครูผู้สอน
  • แท็บเล็ต มีขนาดหน้าจอเล็กทำให้นักเรียน มีปัญหาด้านสายตา ราคาเครื่องแท็บเล็ตถูก-ต่ำ อายุใช้งานสั้น แค่ 3 ปี การซ่อมบำรุงไม่คุ้มค่าเมื่อต้องซ่อมแซม
  • แท็บเล็ต เป็นครุภัณฑ์ของโรเรียน ไม่เหมาะสมที่ไปมอบให้นักเรียนเป็นของส่วนตัวได้ และคณะกรรมการว่าด้วยพัสดุ กรมบัญชีกลาง แจ้งว่ามอบให้เด็กนักเรียนไม่ได้

และแล้วนโยบายแจก "แท็บเล็ต" กลับมาอีกครั้ง

กระทรวงศึกษาธิการ เตรียมแจก ครู-นักเรียน โดยในช่วงแรกครั้ง รมต.ศึกษาธิการ บริหารโดยพรรคภูมิใจไทย มีนโยบายจะจัดซื้อ “เครื่องแท็บเล็ต-โน๊ตบุ๊ก-โครมบุ๊ก” จนล่วงมาถึง เดือนมิถุนายน 2568  นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน รมว.ศึกษาธิการ ประเด็นเรื่องโครงการจัดซื้อจัดจ้างโครงการใดตามนโยบายต่างๆ ที่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน เช่น การจัดซื้ออุปกรณ์เสริมการสอนของนักเรียนและครู หรือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก โครมบุ๊ก ก็ขอให้ชะลอโครงการไว้ก่อนจนกว่าจะมี รมว.ศึกษาธิการ คนใหม่

ล่าสุด 1 สิงหาคม 2568 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ปรับรูปแบบการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ทางการศึกษา ตามโครงการเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา หรือ Anywhere Anytime จากเดิมที่ดำเนินการโดยส่วนกลาง เป็นมอบหมายให้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เป็นผู้จัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์นั้น เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงการปรับเปลี่ยนดังกล่าว รวมถึงมีการชี้แจงเรื่องวิธีการดำเนินการ อธิบายขั้นตอนการจัดทำเอกสานเอกสาร การกำหนดร่างขอบเขตงาน หรือทีโออาร์ และให้เขตพื้นที่ฯทำการประกาศและดำเนินการจัดทำให้เป็นไปตามระเบียบการเงินและพัสดุ

tablet or tear 03

พอคำสั่งนี้ปรากฏขึ้นมา เสียงสะท้อนกลับออกมาก็เป็นไปดังคาด คือ ครูส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการซื้อหรือเช่าแท็ปเล็ต โดยเฉพาะครูที่มีความรู้ด้านการใช้งานสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในการจัดการเรียนการสอน (พูดง่ายๆ ก็ครูที่เกี่ยวข้องด้านไอที หรือที่ต้องสอนวิชาคอมพิวเตอร์ นั่นแหละ) ทำไมไม่ถามคนใช้งานก่อน เข้าทำนองคนใช้ไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้ใช้เช่นเดียวกับโลงศพ ที่ดูใน เพจ ศธ. 360 องศา เองก็มีครูมาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

  • คุณครูผู้สอนต้องการคอมพิวเตอร์มากกว่าการแท็บเล็ตครับ
  • ขอใช้การ์ดอันเชิญรวมแท็บเล็ต 3 เครื่อง แลกทีวีสัก 1 เครื่องได้ไหมครับ ใช้ในการสอน/ใช้เป็นสื่อ ได้ดีกว่าต้องไปลุ้นหน้างานที่ไม่รู้ว่า จะได้สเปคแท็บเล็ตรุ่นไหนบ้าง
  • ครูนักเรียนมีของส่วนตัวแล้วค่ะ เอางบส่วนนี้มาจ้างครูครบชั้นดีกว่ามั้ยค่ะ ขอแค่เน็ตแรงๆ สมาร์ททีวี จากรอบก่อนที่เคยแจกของพังตั้งแต่ยังไม่ใช้ กลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์
  • หนูอยากได้คอมพิวเตอร์ค่ะ เนื่องจากที่โรงเรียนขาดแคลน ทีวีก็เก่าๆ อยากได้รุ่นใหม่เป็นสมาร์ททีวี แท็บเล็ตแจกมาก็ไม่มีประโยชน์ คอมพิวเตอร์มีประโยชน์กว่าเยอะ ทำอะไรได้หลากหลายกว่าค่ะ
  • เด็กต่างจังหวัดขาดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ครับ แท็บเล็ตฟังก์ชั่นการทำงานไม่ต่างจากโทรศัพท์เด็กส่วนใหญ่มีอยู่แล้ว
  • มีการสำรวจหรือศึกษาสถิติ หรือ ความต้องการของผู้ใช้งานก่อนจัดทำโครงการไหมครับ? หรือว่า อยากซื้ออะไรก็ซื้อได้เลย เพราะเท่าที่อ่านแต่ละโพสต์ที่แชร์ข้อมูลกันมา 90% ด่าล้วน ๆ เลยครับ จนตั้งคำถามว่า ... "ใครต้องการ Tablet บ้าง?" 😅
  • แท็บเล็ตไม่ได้มีความจำเป็นอะไรกับนักเรียนเลยค่ะ และที่สำคัญบางโรงเรียนเนื่องจากงบประมาณอินเทอร์เน็ตไม่เพียงพอ ก็มีใช้แค่บางจุด เอาแท็บเล็ตมาทำอะไร แม้แต่สมาร์ททีวียังไม่ครบห้องเรียนเลย มันไม่ได้จำเป็นอะไรในการเรียนการสอนเลยค่ะ โดยเฉพาะโรงเรียนบ้านนอก เวลามีคุณครูท้วงติง ก็อยากให้กระทรวงพิจารณารับฟังบ้าง คุณครูเป็นผู้มีประสบการณ์ตรง ย่อมรู้ดีว่าสิ่งไหนเกิดประโยชน์ สิ่งไหนดีต่อนักเรียนที้สุดนะคะ
  • แค่คิดก็ขนลุก!!! โครงการก่อนโน้นภาพยังติดตา กว่าจะชาร์จ กว่าจะใช้ แบตเสื่อมง่าย จอค้างเป็นประจำ ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้ สรุปไม่ได้ใช้ ไร้ประโยชน์ ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปไกลมากแล้ว ถ้าจะให้มาใช้งานกันได้จริงๆ และคุ้มค่า ขอของดีๆ ยี่ห้อดีๆ มาตรฐานแบบในตลาดที่เขาใช้กันบ้างได้ไหม เห็นยึดแต่ตรงสเปค ประสิทธิภาพไม่คำนึง คนขายยิ้มหวาน คนใช้งานหงุดหงิด มันสิ้นเปลืองเปล่าๆ ลองถามครูดูว่าจริงไหม จบการรายงานครับ😆
  • หยุดแจกแท็บเล็ตได้แล้วค่ะ สุดท้ายเป็นขยะเทคโนโลยี ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย สเปคที่ได้มาก็ต่ำกว่ามาตรฐาน ได้แท็บเล็ตแต่ไม่มีอินเตอร์เน็ตในโรงเรียน ผลักภาระให้ครู ให้โรงเรียน เอางบไปพัฒนาอย่างอื่นดีกว่า ไม่ว่าจะรัฐาบาล หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา หรือแม้แต่กระทั่งผู้นำ ควรหยุดค่านิยมด้านวัตถุนิยมได้แล้ว
  • นโยบายแบบบังคับอีกแล้ว บางโรงเรียนไม่ได้ต้องการแท็บเล็ตเลย ควรสอบถามความต้องการของโรงเรียน เพื่อจะได้จัดซื้อได้ตรงตามความต้องการ เพื่อที่โรงเรียนจะได้นำไป อย่างแท้จริงไม่ใช่เอามาเป็นภาระ
  • โรงเรียนต้องการคอมพิวเตอร์ครับ เพื่อที่จะฝึกเด็กนักเรียน ให้เป็นผู้พัฒนานวัตกรรมให้เก่งรอบด้าน การโยนไปให้เขตพื้นที่แล้วมีประเด็นว่า "ต้องเอาแท็บเล็ตเท่านั้น" มันก็ไร้ประโยชน์ครับ นอกจากโยนมาให้เขตพื้นที่แล้วให้เขตพื้นที่เป็นคนสำรวจโรงเรียนว่า โรงเรียนไหนจะเอาแท็บเล็ตหรือจะเอาคอมพิวเตอร์ แล้วให้ดำเนินการตามความต้องการของโรงเรียน โดยให้เขตพื้นที่เป็นคนดำเนินการในการเบิกจ่าย แบบนี้ไม่ขัดครับ ... และแน่นอนหลายโรงเรียนต้องการคอมพิวเตอร์ .. และโรงเรียนผมเองก็ต้องการคอมพิวเตอร์ครับ ... เอามาพัฒนาเด็กนักเรียนได้มากกว่าเยอะเลยถ้าแท็บเล็ตไม่มีอะไรที่จะต้องได้ใช้แล้วครับ

นี่แค่บางส่วนครับ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้กำหนดนโยบายจากอะไร? จากความต้องการอันแท้จริงของผู้ใช้งาน (โรงเรียน) หรือเปล่า? หรือกำหนดเพื่อให้มีการใช้จ่ายงบประมาณให้มันหมดๆ ไป (ไร้ประโยชน์ก็ช่าง ฉันมองส่วนต่างอยู่) ไม่สบกับชื่อกระทรวงแห่งการสร้างการเรียนรู้ให้กับเยาวชนของชาติเอาเสียเลย คิดก่อนทำ สำรวจได้ไม่ยากภายในเวลาอันจำกัดได้อยู่แล้ว ฟังเสียงครูหน่อย

tablet or tear 04

ครูห่วงโครงการแจกแท็บเล็ต ได้ไม่คุ้มทุน แท็บเล็ตเครื่องเก่า สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ในห้องเก็บของ สะท้อนปัญหา อยากให้นำงบฯ จ้างครูสอนให้เหมาะสมกับจำนวนนักเรียน จากการสำรวจพบข้อเสียของนโยบายการแจกเครื่อง Tablet เช่น เกิดปัญหาเรื่องสายตาและปัญหาด้านสุขภาพ เด็กๆ ใช้เวลากับการจ้องแท็บเล็ตมากขึ้น ทำให้ออกกำลังกายน้อยลง และมองว่า แท็บเล็ตไม่เหมาะกับวุฒิภาวะของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา เพราะจะทำให้ทักษะการใช้มือเขียนไม่เป็น และมีโอกาสอยู่ในโลก Cyber มากขึ้น ทำให้หลงในโลกเสมือน อาจถูกล่อลวงได้โดยง่าย และยังลดการละเล่นกับเพื่อนๆ ในชีวิตจริง อาจส่งผลทำให้เด็กขาดมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีได้

tablet or tear 05

สุดท้ายนะ ถ้ามันจะต้องแท็ปเล็ต (กลัวจะใช้เงินไม่ทันปีงบประมาณ) มองตัวนี้บ้างก็ได้นะ (ผมไม่ได้ขาย ไม่ได้รับค่าสปอนเซอร์) ได้ทดลองใช้นิดหน่อยแล้วรู้สึกเข้าท่ามาก ในความที่มันเป็นทั้งแท็ปเล็ตที่ใช้งานได้ตามความประสงค์ของมัน แต่มีออฟชั่นของพีซีมาให้ด้วยครบครัน เช่น มีเคสหุ้มที่มีคีย์บอร์ด แทร็กแพด (เมาส์บนคีย์บอร์ด) ปากกาสำหรับเขียน/วาดภาพ มีซอฟท์แวร์ WPS Office มาให้พร้อมสรรพ รวมทั้งซอฟท์แวร์เสริมอีกเป็นจำนวนมาก ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ลองไปดูรีวิวในช่อง Youtube หลายๆ ช่องดูนะ จะซื้อให้ได้มันก็ต้องเอนกประสงค์หน่อยแล้วกัน เครื่องเก่าที่มีในมือผมเริ่มสั่นๆ แล้ว อยากได้จัง แต่ราคาช่วงเปิดตัวแพงไปนิด 23K++ ในแง่ความคุ้มค่าซื้อให้โรงเรียนใช้งานเป็น PC All-in-One หน้าจอขนาด 21 นิ้ว ถูกและดีกว่าในงบเริ่มต้น 10K++ ต่อเครื่อง สามารถใช้งานได้ยาวนานหลากหลายกว่าแท็ปเล็ต ขอให้โรงเรียนมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพร้อมเครือข่ายภายในโรงเรียนดีๆ เท่านี้ก็สุขใจ😁😄😅☺️

iPad Pro M4 VS HUAWEI MatePad Pro ปะทะชนกัน สู้ได้จริงหรอ ? 

เป็นกำลังใจให้เพื่อนครูไทยได้ใช้สื่อและอุปกรณ์การสอนดีๆ ใน พ.ศ. นี้นะครับ

ครูมนตรี โคตรคันทา
บันทึกไว้ : 3-08-2568

เรียนรู้ภาษา html
isangate banner
easyhome banner
ipst banner
e mil
นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)

Our Policy