
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ตุลาคมเดือนแห่งความโศกเศร้าของปวงชนชาวไทย
เดือนตุลาคม เชื่อหรือไม่ว่า เป็นเดือนที่ปวงชนชาวไทยได้สูญเสียดวงใจผู้เป็นที่รักยิ่งเหนือสิ่งใด จากเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งใน 3 ครั้งหลัง ผู้เขียนได้อยู่ในห้วงแห่งความเศร้าโศกอาลัยของคนไทยด้วย
- 1 ตุลาคม 2411 : พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จสวรรคต
- 23 ตุลาคม 2453 : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จสวรรคต
- 24 ตุลาคม 2556 : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สังฆปรินายก (เจริญ สุวฑฒฺโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สิ้นพระชนม์
- 13 ตุลาคม 2559 : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จสวรรคต สิริพระชนม์พรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติ 70 ปี นับเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ครองราชนานที่สุดในโลก และมีพระราชกรณียกิจเพื่อปวงชนชาวไทยด้วย "โครงการตามพระราชดำริ" นับพันโครงการ อันเป็นแบบอย่างให้ชาวโลกได้ประจักษ์และนำไปเป็นต้นแบบในหลายๆ ประเทศ
- 24 ตุลาคม 2568 : สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษแห่งการทรงงาน เคียงข้างพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่พสกนิกร ทรงทำนุบำรุงงานด้านเศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ทรงเป็นที่รักและเทิดทูนของปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้

พลันที่ 'กระทรวงศึกษาธิการ' ได้ออกหนังสือสั่งการออกมาให้สถานศึกษาทั่วประเทศปฏิบัติ ก็มีปฏิกริยาจากนานาสารทิศในเรื่องนี้ทันทีกระหึ่ม จนปลัดกระทรวงศึกษาธิการต้องออกมาชี้แจงเป็นพัลวัน จากนั้นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงก็ยังมาแถ-ลงในเรื่องเดียวกันอีก ยิ่งออกมาแก้ก็ยิ่งเลอะเทอะไปกันใหญ่
การเผยแพร่หนังสือด่วนที่สุดของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ซึ่งได้ขอความร่วมมือให้หน่วยงานในสังกัดงดจัดกิจกรรมที่มีลักษณะรื่นเริงเป็นเวลา 1 ปี เพื่อแสดงความอาลัย จนเกิดกระแสวิจารณ์ว่า จะกระทบกับการจัดกิจกรรมของนักเรียน เช่น กีฬา และ กิจกรรมเสริมหลักสูตร และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่ได้ปิดกั้นการทำกิจกรรมของนักเรียนนั้น
การออกมาชี้แจงของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เหมือนกับที่ปลัดกระทรวงศึกษาธิการชี้แจงไปก่อนหน้านี้ สะท้อนว่าเป็นคำสั่งตามนโยบายของรัฐมนตรี ไม่ใช่จากข้าราชการ เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า กระทรวงศึกษาธิการกำลังหลงประเด็น เพราะสิ่งที่สังคมเรียกร้อง คือ การลดคำสั่งงดทำกิจกรรมรื่นเริงจาก 1 ปี เหลือ 30 วัน ซึ่งมากกว่าที่มติคณะรัฐมนตรีกำหนด อีกทั้งการกำหนดว่า "ให้อนุญาตเฉพาะกิจกรรมที่เป็นการเรียนการสอน" แบบนี้กิจกรรมที่ก้ำกึ่งจะโดนพิจารณาอย่างไร เช่น งานปีใหม่ งานวันเด็ก งานฉลองจบการศึกษา ฯลฯ ซึ่งหากผู้บริหารโรงเรียนที่มีความกลัว คงให้ยกเลิกทั้งหมด ใครจะกล้าให้จัด

ฟังการชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแล้ว เหมือนจะดีขึ้นใช่ไหมครับ แต่พอไปดูในอินโฟกราฟฟิกของกระทรวงศึกษาที่เพิ่งออกมา ข้อ 1 ระบุว่า “การแสดงดนตรี / คอนเสิร์ต” เป็นตัวอย่างกิจกรรมที่ “ขอความร่วมมือให้งดจัด” ด้วย ก็เลยกลายเป็นหนักเข้าไปอีก
เพราะดนตรีนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเรียนรู้ ทั้งที่เป็นหลักสูตรและเสริมหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นดนตรีไทย ดนตรีสากล ดนตรีคลาสสิก หรือดนตรีอะไร ที่สำคัญการแสดงดนตรี หรือคอนเสิร์ตไม่ได้เท่ากับ “งานรื่นเริง” งานศพของเราก็มีดนตรีไทย ของฝรั่งก็มีออร์แกนมีร้องเพลงในโบสถ์ การระบุว่า “การแสดงดนตรี / คอนเสิร์ต” อยู่ในความหมายของ “กิจกรรมที่ขอความร่วมมือให้งดจัด” เป็นเวลาถึง 1 ปี มีปัญหาแน่นอนครับ

"ให้หน่วยงานในสังกัดและสถานศึกษา งดจัดกิจกรรมที่มีบรรยากาศรื่นเริงทุกประเภท เป็นเวลา 1 ปี” ที่ทั้งตึงเกินไป และสื่อสารไม่ดี ทำให้คนไม่เข้าใจ แล้วคนที่ไม่เข้าใจที่สุดก็อาจจะเป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการเองนี่แหละครับที่ไปตีความว่า “การแสดงดนตรี / คอนเสิร์ต” เป็นกิจกรรมที่มีบรรยากาศรื่นเริงที่ต้องงดจัด ทำให้ยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ แล้วที่ท่านรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการชี้แจงว่า หนังสือนี้เป็น “การขอความร่วมมือ” กับ “หน่วยงานที่สังกัด” แต่จริงๆ แล้วหนังสือที่ลงนามโดยท่านรัฐมนตรีใช้คำว่า “กำหนดให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการ“ นี่ไม่ใช่การขอความร่วมมือ แต่เป็นการ ”สั่งการ“ นะครับ
ปัญหาจึงเกิดจากหนังสือของท่านรัฐมนตรีเอง ให้ท่านปลัดกระทรวงไปชี้แจงยิ่งไม่เข้าใจ การสั่งการแบบท็อปดาวน์ บนลงล่างแบบนี้มันก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้วโดยเฉพาะสำหรับกระทรวงที่รับผิดชอบ ”การศึกษา“ ของประเทศครับ
ท่านรัฐมนตรีแก้ไขคำสั่งของท่านเองเถอะครับ โดยเฉพาะข้อ 3 ก่อนที่จะโดนท่านนายกรัฐมนตรีสั่งให้แก้ครับ
กระทรวงศึกษาธิการ ต้องใช้โอกาสนี้ให้นักเรียนได้มีความคิดสร้างสรรค์ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้สิ่งทั้งหลายที่สมเด็จพระพันปีหลวงได้ใช้ทั้งชีวิตของท่านสร้างไว้ และเป็นคุณค่าสากลที่โลกยกย่อง รวมถึงเป็นทักษะสำคัญของพลเมืองไทยและพลเมืองโลกในศตวรรษที่ 21 คือ เรื่องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน (เช่น ป่ารักน้ำ) สิทธิมนุษยชน (เช่น พันธกิจของสภากาชาด การสังคมสงเคราะห์ และการเห็นคุณค่าของฝีมือชาวบ้าน) เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (เช่น งานศิลปาชีพ) และทุนทางวัฒนธรรม (เช่น โขนและประณีตศิลป์) เด็กควรจะได้รู้จักกับสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่แค่จะได้รู้จักพระองค์ท่าน แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือได้เข้าใจคุณค่าของสิ่งที่ท่านสร้างไว้และเอาไปทำต่อในแบบของตัวเอง

พระพันปีหลวงทรงสร้างความสนุกไว้ให้เราเอาไปใช้มากมาย ลองคิดถึงกีฬาสีที่ใส่ผ้าไทยแบบจัดเต็ม ใช้ดนตรีไทยบรรเลงประกอบกับวงดุริยางค์ แค่นี้ก็สนุกแล้ว หรืองานกีฬาสี Theme สิ่งแวดล้อม ป่ารักน้ำ ฯลฯ ก็ทำได้ ยังไม่รวมงานปีใหม่ งานปลายภาค มี Theme เยอะแยะให้เราเอาไปใช้ได้ เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องความยั่งยืน เรื่องนี้ต้องอยู่ในหัวใจของเด็กทุกคน
ในฐานะ 'อดีตครู' คนหนึ่ง ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการเรียนรู้ของนักเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสสำคัญของชีวิตที่คนทั้งประเทศพร้อมทำภารกิจร่วมกันโดยมิได้นัดหมายเช่นนี้ ยกเลิกคำสั่งเถอะท่าน รอ มอ ตอ ขอร้องเถอะนะ
บันทึกไว้เมื่อ 27 ตุลาคม 2568
ครูมนตรี โคตรคันทา















