|
ดูข่าวการปฏิรูปกระทรวงศึกษาธิการ การผ่าตัดกระทรวงครูด้วยกฎหมายพิเศษ ม.44 หลายครั้งหลายครา แต่ดูเหมือนเป็นการย้ายก้น ย้ายเก้าอี้นั่ง จนดูเหมือนเริ่มจะเข้าเกียร์ถอยหลังกลับไปเป็นกระทรวงศึกษาธิการเดิม เมื่อยังไม่ยุบกรมกองตั้งใหม่เข้าไปทุกที เช่น การกลับมาของศึกษาธิการจังหวัด การให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมานั่งประธานการพิจารณาปรับย้ายข้าราชการครู ข่าวจะแยกกระทรวงอุดมศึกษาออกไปตั้งใหม่ มีการดิ้นรนพยายามผลักดันให้มีสามัญศึกษาจังหวัด ประถมศึกษาจังหวัด กรมวิชาการ และสารพันข่าว ที่ยังไงก็มองไม่ออกว่ามันจะยกเครื่องปฏิรูปการศึกษาให้ก้าวหน้าขึ้นนำในอาเซียนตรงไหน คิดเหมือนผมไหม
วันนี้ ผมเจอท่านที่คิดเหมือนผมในเฟซบุ๊ค ยุทธ วชิรปัญญาวัฒน์ คือเหมือนกับที่ผมเคยบ่นๆ มาหลายครั้งนั่นแหละว่า จะพัฒนายกเครื่องการศึกษาให้ได้ต้องมายกเครื่องโรงเรียนให้พร้อมก่อนดีกว่า เลยคัดลอกมาให้อ่านกันพร้อมกับเสริมความเห็นของผมเข้าไปเสริมในส่วนที่เป็นอักษรตัวเอียงนิดหน่อย เชิญอ่านครับ
ไม่ได้อัพเดทบทความใดๆ มานานครับ ได้แต่นั่งมองนโยบายรายวันที่แก้ปัญหาแบบลิงแก้แห เกาไม่ถูกที่คัน แบบวัวพันหลัก ปัญหาการศึกษาชาติต้องแก้กันทั้งระบบ ไม่ใช่เอะอะก็ลงมาที่ครูกันหมด วันนี้จะมายำปัญหาต่างๆ (เรื่องเดิมๆ) ให้ท่านทั้งหลายได้อ่านกัน จะเอาไปคิดไปแก้ไขต่อกันก็ได้ตามสะดวก หรือไม่เห็นด้วยก็ไม่ว่าอะไร แต่เปิดใจรับฟังกันสักนิดดีไหม... มีพาดหัวข่าวที่แชร์กันในเฟซบุ๊คมาจากเว็บหนึ่งว่า "พี่ไทยดูไว้! ฟินแลนด์จ่อเป็นประเทศแรกในโลกที่ยกเลิกวิชาเรียนทั้งหมด" แล้วก็คอมเมนต์กันสนุกปากว่า ไม่มีทางทำได้ หรือรอให้เต่ามีเขางอกก่อน ก็ว่ากันไป
มีโรงเรียนมากมายในปัจจุบันที่สอนโดยอิงจากหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับสังคมโลกในยุค 1900 เราต้องคิดใหม่และออกแบบระบบการศึกษาใหม่ที่เข้ากับยุคสมัยศตวรรษที่ 21 นั่นคือทักษะที่เด็กในวันนี้ต้องเรียนรู้เพื่อจะเอาไปใช้ในอนาคต
Marjo Kyllonen ผู้อำนวยการของกรมสามัญศึกษาในเฮลซิงกิ
เป็นบทความข่าวเก่าตั้งแต่ปี 2557 นะครับ จากหนังสือพิมพ์โพสท์ทูเดย์ สัมภาษณ์พิเศษ "ครูคริส"ชำแหละการศึกษาไทย เมื่อ 02 กรกฎาคม 2557 เวลา 12:18 น. เรื่องโดย อินทรชัย พาณิชกุล เอามาเล่าซ้ำอีกครั้ง เพราะสิ่งที่เป็นอยู่ในบริบทการศึกษาไทย ปี พ.ศ. 2559 ก็ยังเหมือนเดิม โยนกลองกันไปมา ที่น่าตกใจคือยังมีเหลือบที่จ้องคอยหากินจากงบประมาณจากบรรดาข้าราชการลิ่วล้อสอพลอเจ้ากระทรวงนั่นแหละ มันเดินย่ำกับที่เกาไม่ถูกที่คันมานานแล้วนะ
มาฟังมุมมองของครูสอนภาษา ชาวต่างชาติผู้ที่อยู่ในแวดวงการศึกษาไทยมานานหลายปีกันนะครับ
ปี 2557 ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณมากกว่าห้าแสนล้านบาท นับว่าสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ทว่าจากการจัดอันดับของ เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม เกี่ยวกับคุณภาพการศึกษาของไทยกลับอยู่อันดับรั้งท้าย
ขณะเดียวกัน ผลการจัดอันดับทักษะความสามารถด้านภาษาอังกฤษจาก 54 ประเทศทั่วโลก ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก พบว่าประเทศไทยอยู่อันดับที่ 53 ของโลก
เกิดอะไรขึ้นกับระบบการศึกษาไทย!!!
จะผ่านพ้นปี ๒๕๕๘ ไปในวันนี้ ก็ขอบ่นสักหน่อยแล้วกันนะครับ ตลอดช่วงปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเสพสื่อชนิดใด หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สังคมออนไลน์ เราจะได้ยินการพูดถึงความตกต่ำของการศึกษาไทย และแน่นอนไม่ว่าจะมาจากแหล่งข่าวใดๆ ก็ตาม จำเลยที่ถูกประนามหยามเหยียดมากที่สุดคือ "ครู" ไม่ปฏิเสธใช่ไหมครับ เราจึงได้เห็นสารพัดสารพันโครงการที่จะสร้างภาระให้กับครู โดยใช้คำว่า "พัฒนาครู" เป็นตัวนำ ครูนับหมื่นนับแสนคนในประเทศนี้เป็นคนที่แย่ นิสัยเสีย ไม่รักดี (เอามาจากคำพูดเด็กๆ ที่บอกว่า ถูกอบรมเพราะนิสัยเสีย ครูก็น่าจะแบบเดียวกันเนาะ) จึงต้องเข้ารับการอบรมกันขนานใหญ่ ถามจริง มันใช่การแก้ปัญหาถูกที่คันหรือเปล่า?
ตามหัวเรื่องเลย "หยุด! กล่าวหาครูเป็น "แพะ" รับบาปทีได้ไหม?" ทำไมผมจึงกล่าวเช่นนั้น ผมมีเหตุผลที่จะสาธยายให้ฟังครับ (แม้บนหอคอยงาช้างทั้งหลายจะไม่ได้ยินก็ช่างเถิด ผมมีหน้าที่บ่นๆๆๆ ผมทนได้ บ่นกันไปเรื่อยๆ ใครใกล้ชิดสนิทเจ้านายก็ลองบอกให้ท่านอ่านดูบ้างก็ได้นะ ฝันไปเถอะ...) ถ้าเราเข้าใจตรงกัน บางทีการแก้ปัญหาถูกที่ เกาในส่วนที่คัน รักษาในส่วนที่บกพร่อง จะทำให้การศึกษาของไทยไปได้ถูกทาง ลองคิดตามกันดูหน่อยนะครับ...
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)