เที่ยวบินปฐมฤกษ์ของลูกเรือ

ลังจากผ่าน SUPY Flight กันไปสองไฟลท์แล้ว คราวนี้ก็เป็นเวลาแห่งการทำงานจริงๆ กันแล้วครับ

Lagos International Airport, Nigeria

ในช่วงสัปดาห์แรกหลังจากฝึกเรียบร้อย ตารางบินของเราจะใช้อักษรย่อ CU มาจาก Can Use ซึ่งหมายถึงว่า ฝ่ายจัดตารางบินจะสามารถกำหนดตารางบินของเราได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทำให้ลูกเรือต้องโทรศัพท์เข้าไปที่ศูนย์เพื่อเชคตารางบินวันต่อวัน และวันนี้ก็เช่นเดียวกันครับ หลังจากทำ SUPY Flight แล้วก็ได้พักสองวัน แล้วก็เริ่มต้นตารางบินด้วย Home Standby ซึ่งก็คือ ให้ลูกเรือเตรียมตัวให้พร้อมบินอยู่ที่บ้าน(ห้องพัก)ของตัวเองได้ครับ แต่ตามประสาลูกเรือใหม่ ก็นอนไม่ค่อยหลับ อยากรู้ว่าจะ “โดนดึง” ออกไปบินที่ไหนรึเปล่า ด้วยความที่อยู่ไม่สุข ก็เลยลองเข้าอินเตอร์เนต ไปเช็คตารางบินของตัวเอง ปรากฎว่า เที่ยวบินแรก หวยออกที่ Lagos นี่เองครับ

ลากอส หรือ เลกอส (Lagos) จัดว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของทวีปแอฟริกา รองจากกรุงไคโรของอียิปต์ ลากอสเป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรหนาแน่นมาก มีจำนวนประชากรถึง 15.5 ล้านคน เป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจ การบิน การพาณิชย์ อุตสาหกรรมน้ำมันในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก และเป็นอดีตเมืองหลวงของประเทศไนจีเรีย เนื่องจากลากอสเป็นเมืองที่ใหญ่มาก มีประชากรอาศัยหนาแน่นเกินไป ดังนั้น รัฐบาลไนจีเรียจึงได้ย้ายเมืองหลวงจากลากอส ไปอยู่ที่กรุงอาบูจาแทน ปัจจุบันลากอสจึงจัดเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของโลก เพราะไนจีเรียจัดเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมัน รายใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา (ข้อมูลจากวิกิพีเดียครับ)

ทิวทัศน์ของลากอส

รหัสย่อ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน สำหรับ Lagos ก็คือ LOS มองดูเผินๆ ก็อาจจะนึกว่า ได้บินไป Los Angeles นะครับ ซึ่งตอนแรกที่เห็นตารางบินก็รู้สึกแบบนั้น แต่ว่าพอเปิดดูข้อมูลแล้ว อ้าว…! แอฟริกานี่นะ ไม่ใช่อเมริกาซักหน่อย หลงดีใจแต่ได้แห้ว

หลังจากแอบเช็คตารางบินแล้ว ตามปกติของการอยู่ Standby คือจะมี Duty Controller โทรศัพท์มาแจ้งข่าวที่อาจจะดี และไม่ดีสำหรับบางคน ว่าจะได้ออกไปที่ไหน แน่นอนว่าเราก็รู้อยู่แล้ว ทำให้พอมีเวลาจัดกระเป๋าเตรียมตัวไป Layover (พักค้างคืน) อยู่บ้างครับ เนื่องจากว่าตอนแรกไม่คิดว่าจะได้ออกไปบิน Layover เพราะลูกเรือใหม่ๆ น่าจะให้้บิน Turnaround (บินไป-กลับในวันเดียว) มากกว่า เอาเป็นว่าก็ต้องรีบเก็บกระเป๋า แต่งตัวให้เรียบร้อยดูดี และออกไปยัง CBC (Crew Breifing Center)

สำหรับเที่ยวบินนี้ ใช้เวลาบินจากดูไบประมาณ 8 ชั่วโมง โดยใช้เครื่องบินแบบ Boeing B777-300ER มีชั้นหนึ่งเป็นแบบ Suite ครับ

สำหรับไฟลท์นี้ก็สนุกสนานอยู่พอสมควรครับ เป็นไฟลท์แรก ที่จะต้องทำอะไรด้วยตนเองทุกอย่าง และนั่นหมายถึงความรับผิดชอบในฐานะลูกเรือนั่นเองครับ ทั้งการทำ Security Check, Boarding และ Pre-Departure Service โชคดีที่มีลูกเรือที่อายุงานมากกว่า (แค่เดือนเดียวไปด้วย) ก็เลยทำให้ไม่ดูเป็นน้องใหม่มากเกินไป

สำหรับผู้โดยสารชั้น Economy วันนี้ก็เต็มลำครับ เรามีลูกเรือที่ทำงานในส่วนนี้อยู่ 8 คน บริการผู้โดยสารรวม 304 ท่าน แบ่งการบริการเป็นสองช่วงด้วยกันครับ

หลังจากเดินทางถึงสนามบินแล้ว เราก็เดินทางเข้าที่พักกัน ซึ่งระหว่างทางนั้นก็ทำให้ได้เห็นสภาพของบ้านเมือง Lagos ด้วยครับ ให้ภาพบรรยายดีกว่านะครับ

สำหรับพื้นที่นี้ เป็นพื้นที่ที่มีอัตราการระบาดของโรคมาลาเรียอยู่สูง ดังนั้น ทางสายการบินจึงไม่แนะนำให้ลูกเรือออกไปทำกิจกรรมใดๆ นอกโรงแรม ซึ่งความจริงก็ไม่มีสถานที่ที่น่าจะไปเที่ยวชมมากนักนะครับ รวมถึงฝนก็ตกปรอยๆ มาตลอดด้วย ดังนั้น เราก็ต้องอยู่ที่โรงแรมตลอด 24 ชั่วโมง และปรนเปรอความสุข ด้วยการทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ทั้งวันครับ

วันรุ่งขึ้น ก็จะมี Wake up call หนึ่งชั่วโมง ก่อนเวลาที่จะต้องออกเดินทางไปสนามบิน และก็เป็นธรรมเนียมที่เราจะต้องทิปคนขับรถที่ช่วยยกกระเป๋า และขับมาส่งเราอย่างปลอดภัยด้วยครับ

สำหรับเที่ยวบินขากลับ ก็ยังเป็นเครื่องบินรุ่นเดิม ผู้โดยสารเกือบเต็มลำ ทำงานสบายๆ ไม่เร่งรีบ เพราะว่าเรามีเวลาตั้ง 8 ชั่วโมงครับ

สำหรับเที่ยวบินแรกนี้ ก็ได้เรียนรู้ว่า ในการทำงานจริงนั้น บางทีก็ต่างจากที่เราร่ำเรียนมาเยอะ มีเทคนิคการบริการอีกมากมายที่ต้องเรียนรู้ มีผู้โดยสารต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา หลากหลายวัฒนธรรมที่ต้องจดจำ มีเพื่อนร่วมงานที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และที่สำคัญมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอีกมากครับ

นี่เป็นเที่ยวบินระยะสั้นๆ (แค่ 8 ชั่วโมง) คงต้องรอเรื่องสนุกกับเที่ยวบินระยะไกลๆ (ข้ามทวีป ตั้งแต่ 12 – 16 ชั่วโมงกันแล้วล่ะ) ยังไม่รู้จะออกหวยที่ไหนเหมือนกัน (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือ อาร์เจนตินา บราซิล หรือ ยุโรป หรือญี่ปุ่น เกาหลี จีนแผ่นดินใหญ่) ตื่นเต้นน่าดูเหมือนกัน… อยากได้ไฟลท์ไป BKK ที่สุด (คิดถึงบ้านและส้มตำมากจากมาหลายเดือนแล้ว) ที่ไม่อยากทำเลยก็คงจะเป็นแบบบินใกล้ๆ ไปแถวอินตะระเดีย เขาว่าถ้าเจองูกับเจอแขก ให้ตีหัวแขกก่อน น่าจะจริง (เพราะอีนี่เรื่องมากนะนายจ๋า…. เอาไว้เล่าวันหลัง หรือจะลองถามลูกเรือที่ทำไฟลท์อินเดียดูได้ครับ)

Loading

About Post Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error

Enjoy this blog? Please spread the word :)