คำแนะนำสำหรับทุกท่านท่านสามารถ "ค้นหา" บทความย้อนหลังด้วยคำภาษาไทยจากเว็บไซต์นี้ได้ง่ายๆ อ่านที่นี่ครับ |
ผมห่างหายไปจากการอัพเดทบทความไปร่วมปีเลยนะครับ เคยเขียนมาแล้วสัก 2-3 บทความแล้ว แต่ก็ไม่เผยแพร่ให้ใครได้อ่าน ลบทิ้งไปเฉยๆ เพราะมันก็เรื่องเก่าๆ ที่ไม่ว่าผมหรือนักวิชาเกินนอกราชการ นอกกระทรวงทั้งหลายต่างก็พูดและบ่นถึง ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ไม่เกิดผลอะไรในทางปฏิบัติ สุดท้ายก็ยังอยู่วังวนเดิมๆ มีการปรับเปลี่ยนแต่เพียงเก้าอี้ของฝ่ายบริหาร เพื่อแบ่งปันยศฐาบรรดาศักดิ์ ที่ไม่ได้ก่อเกิดความเจริญงอกงามแก่การจัดการศึกษาแม้เพียงน้อยนิด การศึกษาไทยกลายเป็นปิรามิดกลับด้าน ที่ฐานอยู่ข้างบนกระจายบานออกด้วยตำแหน่ง แล้วเรียวเล็กลงมาหาคนปฏิบัติการ (ก็ "ครู" นั่นแหละ) ที่น้อยทั้งจำนวน ทั้งค่าตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ ทำตามคำสั่งที่เบื้องบนบอกให้ "เสียสละ" เสียจนกระทั่งไม่มีอะไรจะเสียแล้วมั๊ง สูญเสียทั้งเวลาให้ครอบครัว เงินเดือนที่มีเพียงน้อยนิด ไปกับการพยายามสร้างการเรียนรู้ให้ลูกหลาน
ผ่านปีใหม่มาแล้ว 1 เดือน ข่าวคราวด้านการศึกษาของไทยก็ยังคงหนีออกจากหลุมดำไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้คำว่า "ปฏิรูป ปฏิวัติ" ก็ยังคงย่ำอยู่กับที่ไม่หลุดพ้นไปไหน จะเรียกว่า "วังวน" หรือ "หลุมดำ" ทางการศึกษาก็คงจะไม่ผิดนัก นโยบายที่เพียงเป็นการตอบสนองความต้องการเจ้านาย และคำหวานที่โปรยออกมาแล้วก็ทำไม่ได้ สั่งเหมือนสั่งขี้มูกยังไงยังงั้น เอาตัวอย่างมาสิจะได้ชัดเจน "การสอบวัดผลระดับชาตินั่นปะไร ให้สอบตามความสมัครใจ ใครใคร่สอบ สอบ ใครไม่อยากวัดตัวเองก็ไม่ต้องสอบ" แต่... ในความเป็นจริง เจ้านายที่สิงสถิตย์บนสำนักเขตกลับต้องการ "ตัวเลขอันสวยหรูเพื่อรายงาน" จึงสั่งการลงมายัง ผอ.(ผัวอีอ้อย) ให้ดำเนินการให้ได้ปริมาณสูงสุด โรงเรียนใดไม่ทำการตามที่สั่ง การประเมินเลื่อนขั้นย่อมมีปัญหาตามมา ไม่บอกก็รู้ใช่ไหม?
วันเวลาไม่เคยคอยใคร แล้ววันนี้การหมุนของนาฬิกาก็จะเวียนมาถึงช่วงเปลี่ยนศักราชใหม่กันอีก อายุเราก็ต้อง +1 เข้าไปกันทุกคน แต่ปัญหาการศึกษาของชาติไทยเรากลับไม่ได้ก้าวหน้าไปตามวันเวลาที่ผ่านไป ไม่ว่าจะผ่านมือผู้บริหารที่เป็นครู-อาจารย์ในรั้วสถาบันการศึกษาระดับใด ผ่านมือหมอมาก็หลายคน ผ่านนายทหารจากหลายเหล่าทัพ รวมทั้งนักการเมืองมากหน้า สุดท้ายก็ยังย่ำเท้าไม่หลุดจากวังวนคนสอพลอรอบข้างไปได้สักที ปีหน้านี้จะเห็นแสงสว่างบ้างไหมหนอ?
ยิ่งมาเจอเข้ากับสถานการณ์ยากลำบากในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนยังคงว่างเปล่า ไร้เงาความน่ารัก ร่าเริงสดใส ของลูกหลานเราในวันนี้ ส่วนใหญ่ยังต้องเรียนออนไลน์กันอย่างไม่หยุดหย่อน ได้ความรู้มากบ้าง น้อยบ้าง ตามศักยภาพของตัวผู้เรียน รวมทั้งการเข้าถึงสื่อกลางออนไลน์ต่างๆ ที่ยังคงห่างไกลกับผู้เรียนจำนวนมากของประเทศนี้ ที่เรียนกับครูกระดาษ (ใบงาน) ที่ไม่มีใครอธิบายพร่ำสอน ด้วยพ่อแม่ ผู้ปกครองก็ต้องทำมาหากินก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ไม่สามารถอธิบายให้ความหมาย ความรู้อะไรได้ ด้วยยุคสมัยของการเล่าเรียนที่ผ่านมาแตกต่างกัน "การอ่านไม่ออก ซ้ำเขียนไม่ได้" ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ของผู้เรียนใน พ.ศ. นี้ไม่เปลี่ยนแปลง
การอ่านออก เขียนได้เท่านั้น จะทลายกำแพงการศึกษาให้ประสบผลสำเร็จได้"
เกือบ 2 ปีแล้วที่มีการระบาดของไวรัสร้าย 'Covid-19' ที่ทุกๆ ประเทศในโลกนี้ต้องเผชิญกับความยากลำบาก ทั้งทางด้านสุขภาพอนามัย เศรษฐกิจ ชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน รวมทั้ง 'การศึกษา' ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกแผ่นดิน จากหน้ามือไปจนถึงหลังเท้า เด็กๆ จำนวนมากทั่วโลกก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน ไปเรียนที่โรงเรียนไม่ได้ ต้องเรียนออนไลน์ หรือเรียนผ่านช่องทางอื่นๆ ตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ
สำหรับประเทศไทย 'โควิด-19' ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง มีคนจำนวนมากมายต้องอยู่ในสภาพตกงาน ธุรกิจมากมายล้มระเนระนาด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก ร้านอาหารปิดกิจการจำนวนมาก ช่วงหลังๆ ธุรกิจการก่อสร้างก็กระทบเพราะการระบาดในไซต์งานจำนวนมาก ทำให้แรงงานจำนวนมากต้องหลั่งไหลกลับบ้านเกิด นั่นคือการเปลี่ยนแปลงที่เราพบเห็นอย่างจริงจัง กระทบมาถึงการศึกษา ที่ไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ นักเรียนนักศึกษาต้องเรียนออนไลน์ ท่ามกลางสารพัดปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการเรียน และได้ก่อผลกระทบอีกมากมาย ทั้งการขาดอุปกรณ์การเรียนอย่างเครื่องมือสื่อสาร เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และแม้แต่สัญญาณการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การช่วยเหลือจากภาครัฐที่กระท่อนกระแท่นไม่ทั่วถึง สำรวจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ล่าช้า วิธีการสารพัดปัญหา 108 มาให้ครูและบุคลากรแก้ไขกันรายชั่วโมง เฮ้อ!
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา ที่นี่ใช้คุกกี้ (Cookies) เก็บข้อมูล เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)